การร้อยมาลัยดอกไม้สด
ประวัติมาลัย
บรรพบุรุษของไทยเรามีชื่อเสียงในงานด้านศิลปะการประดิษฐ์อย่างมากมาย
โดยเฉพาะการประดิษฐ์ตกแต่งพวงดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้ และวัสดุอื่น
ๆ เป็นที่ขึ้นชื่อมานานแต่โบราณกาลแล้วแต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าได้มีการเริ่มต้นมาแต่ในสมัยใดแน่ คงเนื่องมาแต่ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรไว้นั่นเอง
จึงไม่มีหลักฐานใดๆ ให้อนุชนรุ่นหลังได้สืบค้น
ต่อมาในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี
แต่ครั้งสมัยพระเจ้าอรุณมหาราช คือพระร่วงเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีพระสนมเอก คือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถในงานด้านฝีมือในการประดิษฐ์ดอกไม้สดเป็นเลิศ ในสมัยนั้นตามหลักฐานที่อ้างถึงในพระราชนิพนธ์เรื่องพระราชพิธี ๑๒ เดือน ตอนหนึ่งที่กล่าวถึงท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้คิดตกแต่งโคมลอยให้งดงามวิจิตรกว่าโคมของพระสนมอื่นทั้งปวงโดยการนำเอาดอกไม้ต่างๆมาประดิษฐ์ตกแต่ง และยังได้เอาผลไม้มาทำการแกะสลักตกแต่งประกอบไปด้วยแต่ก็มิได้มีการอ้างถึงว่าในการตกแต่งครั้งนั้นมีการร้อยมาลัยมาประดับตกแต่งด้วยหรือไม่และในหลักฐานที่อ้างถึงตอนหนึ่งว่า ในเดือนเมษายนมีพระราชพิธีสนามใหญ่บรรดาเจ้าเมืองเศรษฐี คหบดีเข้าเฝ้าถวายบังคมสมเด็จพระร่วงเจ้าเพื่อถวายเครื่องราชบรรณาการ
พระสนมกำนัลต่างๆ ก็ร้อยกรองดอกไม้เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ใส่เมี่ยงหมากถวายให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้มาเฝ้า
และในครั้งนั้นนางนพมาศก็ร้อยดอกไม้สีเหลืองเป็นรูปพานทองสองชั้นรองขัน
มีระย้าระบายงดงามในขันใส่เมี่ยงหมาก แล้วร้อยดอกไม้เป็นตาข่ายคลุมขันอีกทีหนึ่งเป็นที่เจริญตาและถูกกาลเทศะอีกสมเด็จพระร่วงเจ้าจึงทรงบัญญัติว่าถ้าชาวไทยทำการรับแขกเป็นการสนามใหญ่
มีการอาวาหมงคล หรือ วิวาหมงคล เป็นต้น ให้ร้อยกรองดอกไม้เป็นรูปพานขันหมากดังนี้
และให้เรียกว่า พานขันหมาก ในสมัยรัตนโกสินทร์ทุกรัชกาล งานฝีมือด้านการประดิษฐ์ดอกไม้ก็เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามาก
และก็เป็นที่นิยมประดิษฐ์ในงานต่าง ๆ แทบทุกงาน โดยเฉพาะงานพิธีต่าง ๆ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีพระราชนิยมการทำดอกไม้ของไทยเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะมีงานราชพิธีใดๆ เจ้านายฝ่ายในต้องประกวดกันจัดแต่งดอกไม้มาถวายให้ทรงใช้ในงานนั้น
ๆ เสมอ พระมเหสีเทวีทุกตำหนักใฝ่พระทัยในการจัดแต่งดอกไม้ไปตาม
ๆ กัน แต่ละพระองค์ก็มีชื่อเสียงในทางต่างๆ กัน สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระพันปีหลวง
ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นพระบรมราชินีนาถ
โปรดเกล้าฯ ให้ฝึกหัดอบรมข้าหลวงและครูโรงเรียนราชินีให้รู้จักทำดอกไม้แห้งเลียนแบบดอกไม้สดด้วย ทรงส่งเสริมฟื้นฟูการทำดอกไม้เป็นอันมาก พระองค์เองก็ทรงใช้เวลาว่างประดิษฐ์ดัดแปลงการทำดอกไม้แบบเก่าให้แปลกพิสดารออกไปอีก
มีพระนามเลื่องลือในการร้อยพวงมาลัย ซึ่งแต่เดิมมาไทยนิยมร้อยมาลัยด้วยดอกมะลิ
และเป็นมาลัยสีขาวกลมธรรมดาเท่านั้นและพลิกแพลงต่างกันไปบ้างก็เป็นมาลัย
๙. กลับใบตองหงายขึ้น ตัดปลายใบตองชิ้นที่ ๒
ส่วนที่เหลือทิ้งไป ( ถ้าใบตองช่วงยาวเกินไป
)
ดอกไม้และใบไม้บางอย่างที่ใช้ร้อยมาลัย เช่น ดอกเฟื่องฟ้า ดอกบานบุรี ใบกระบือ ใบแก้ว ใบมะยม ใบชบา ฯลฯ ก่อนจะนำมาร้อยต้องตัดกลีบให้มีขนาดรูปทรงดังนี้ก่อน
วัสดุและอุปกรณ์ในการร้อยมาลัย
วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่สำคัญและจำเป็นในการร้อยมาลัย
มีดังต่อไปนี้
๑.ดอกไม้ ดอกไม้ที่ใช้ในการร้อยมาลัย ได้แก่
กุหลาบ มะลิ เฟื่องฟ้า บานบุรี กล้วยไม้
ผกากรอง (ดอกตูม ) กะเม็ง พุด พุทธชาด
เขี้ยวกระแต หางนกยูง ( ดอกตูม )
ดอกหญ้า พังพวย เล็บมือนาง มากาเร็ต ( ดอกตูม ) เบญจมาศน้ำ ( ดอกตูม ) บานไม่รู้โรย ประทัด พิกุล
ดอกรัก ฯลฯ
๒.ใบไม้ ใบไม้ที่ใช้ร้อยมาลัย
ได้แก่ ใบกระบือ ใบแก้ว ใบมะยม ใบพังพวย
ใบจามจุรี ใบดอนหญ้าขาว
ใบดอนหญ้าแดง ใบหมากผู้หมากเมีย ใบชบา ใบโกสน ฯลฯ
๓.เข็มมาลัย
มีสองขนาด คือ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่
แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก ควรจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน ถ้างานร้อยดอกไม้เล็ก ๆ หรือกลีบเล็ก ๆ
ก็ควรใช้เข็มมาลัยขนาดเล็ก
แต่ถ้าร้อยดอกไม้ดอกใหญ่ หรือดอกไม้ที่มีกลีบใหญ่ ๆ ก็ควรใช้เข็มมาลัยขนาดใหญ่และยาวกว่า
๔.เข็มสั้นหรือเข็มมือ ปกติใช้เบอร์ ๘ , เบอร์ ๙ อย่างชนิดยาว เพราะเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุด
๕.ด้าย มีสองขนาด คือ ใหญ่และเล็ก ขนาดใหญ่สำหรับร้อยมาลัย ขนาดเล็กสำหรับร้อยอุบะ เย็บหรือมัดดอกข่า
และเย็บริบบิ้นหรือโบว์
๖.ใบตอง
สำหรับไว้ปูพื้นก่อนวางดอกไม้
ใบไม้ ห่อดอกไม้ และทำแป้น
๗.กระดาษทราย สำหรับไว้ขัดเข็มมาลัย
เข็มมือเมื่อมีสนิมเกาะ ควรเลือกใช้เบอร์ ๐
เพราะมีความละเอียดที่สุด
๘.มีดเล็ก มีดบางคม ๆ สำหรับไว้ตัดดอกไม้ เช่น
ดอกบานไม่รู้โรย
๙. กรรไกร
ควรมี ๒ ขนาด
คือ ขนาดเล็กและขนาดกลาง
๙.๑ ขนาดเล็กปลายแหลมคม ใช้สำหรับตัดกลีบดอกไม้ ใบไม้
๙.๒ ขนาดกลาง สำรับตัดใบตองและด้ายในบางโอกาส
๑๐.คีม สำหรับไว้จับเข็มมาลัย ขณะที่ทำการรูดมาลัยออกจากเข็ม
๑๑.น้ำมันวาสลิน
สำหรับไว้ทาเข็มมาลัยก่อนร้อย
ขณะร้อยและก่อนจะรูดมาลัยออกจากเข็ม (
ควรทาตั้งแต่จากใต้แป้นใบตองมายังก้นเข็มตรงร้อยด้าย )
๑๒.กะละมัง
สำหรับไว้พักดอกไม้ ใบไม้
๑๓.ถาด สำหรับใส่ดอกไม้ ใบไม้
และอุปกรณ์ในการร้อยมาลัย
๑๔.แก้วน้ำหรือขันน้ำเล็ก
สำหรับใส่น้ำไว้พรมดอกไม้ขณะร้อย
๑๕.ทีฉีดน้ำ
ควรใช้ชนิดที่ปรับให้เป็นละอองฝอย ๆ ได้ สำหรับไว้พรมดอกไม้ ใบไม้จำนวนมาก
๑๖.ผ้าขาวบาง
สำหรับไว้คลุมดอกไม้เพื่อให้สดอยู่ได้นาน
ดอกไม้ใบไม้ที่นิยมใช้ร้อยมาลัย
๑.
ดอกกุหลาบ
๒.
ดอกพุดตูม
๓.
ดอกรัก
๔.
ดอกเบญจมาศน้ำ
, ดอกกะเม็ง
, ดอกผกากรอง , ดอกอ่อนของชบาหนู (ในข้อ ๔ นี้ใช้สำหรับทำตาของมาลัย)
๕.
ดอกกล้วยไม้
๖.
ดอกเฟื้องฟ้า
๗.
ใบไม้ชนิดต่างๆ
ที่ใบไม่กรอบพับแล้วไม่แตกหรือหักง่าย
เช่น ใบชบาด่าง , ใบกระบือ , ใบแก้ว ,
หูปลาช่อน , ใบเทียนทอง ฯลฯ
๘.
ต้นมันสำปะหลัง
ไว้สำหรับมัดดอกข่าหรือต้นอะไรก็ได้ที่มีไส้นิ่มๆ สามารถเสียบเข็มมาลัยเข้าไปได้
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ½ ซม.
การถือเข็มมาลัย
จะต้องถือเข็มด้วยมือซ้าย ควรถือให้ถนัดแน่นและมั่นคง จะอยู่ระหว่าง
๓.๕ นิ้วหรือ ๑ อุ้งมือพอดี
นับจากก้นเข็มขึ้นมา เวลาจะพับกลีบดอกไม้ในการร้อยมาลัยจะต้องใช้มือขวาพับ เพราะว่ามือซ้ายยังต้องถือเข็มอยู่ แต่ใช้วิธีดังนี้คือ ใช้นิ้วนางและนิ้วก้อยมือซ้ายจับเข็มปัดเข็มให้เหออก
แล้วใช้มือซ้ายเพียงหัวแม่มือและนิ้วชี้ช่วยมือขวา
จับปลายกลีบดอกที่พับไว้เท่านั้น
การเตรียมแป้นใบตอง
ก่อนอื่นจะต้องสำรวจดูว่าจะร้อยมาลัยอะไรบ้าง
จำนวนกี่เข็ม ก็ควรทำแป้นให้ครบ
โดยถือหลักเกณฑ์ว่าการร้อยมาลัย ๑ เข็มจะต้องใช้แป้นใบตอง ๒ อัน ขนาดเท่ากัน คือ ขนาดใหญ่กว่ามาลัยที่จะร้อยเล็กน้อย
การทำแป้นใบตอง
ขนาดของแป้นใบตองนั้นขึ้นอยู่กับมาลัยที่จะร้อย
ควรให้แป้นใบตองมีขนาดใหญ่กว่ามาลัยที่จะร้อยเล็กน้อย ไม่ควรให้ใหญ่หรือเล็กมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความไม่เหมาะสมและไม่สะดวกในตอนที่จะรูดมาลัยออกจากเข็ม
วิธีการพับแป้นใบตองมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
๑.ฉีกใบตองขนาดเท่ากัน ๒ ชิ้น
( ขนาดกว้าง ๑.๕ นิ้ว ) ตัดหัวและปลายให้เรียบร้อย วางซ้อนทางด้านแข็งทำมุมฉากซึ่งกันและกัน
๒.พับริมใบตองด้านแข็งชิ้นที่ ๑
ทบเข้ามาเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่ากับขนาดความกว้างของใบตองที่ฉีกไว้
๓.พับริมใบตองชิ้นที่ ๒
ทบลงมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่ากับความกว้างของใบตองเช่นกัน
๔.มือขวาจับใบตองชิ้นที่ ๑
ด้านขวามือทบมาทางซ้าย
๕.ใช้มือขวาจับใบตองชิ้นที่ ๒
ทบขึ้นไปทางด้านบน
๖.กลับใบตองหงายขึ้นใช้มือขวาจับชิ้นที่ ๑
ทบมาทางซ้าย
๗. จับใบตองชิ้นที่ ๒
ทบลงมาด้านล่าง
๘. กลับใบตองหงายขึ้น มือขวาจับชิ้นที่ ๒ ทบลงมา และมือซ้ายจับชิ้นที่ ๑
ทบลงมาทางขวา
๑๐.
ตัดริมทั้งสองของปลายใบตองชิ้นที่ ๑ ให้เล็กลงนิดหน่อย
เพื่อสะดวกและง่ายต่อการสอดเก็บปลายให้เรียบร้อย ดังรูป
การปลิดกลีบกุหลาบ
นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะต้องทำให้ถูกวิธี
เพื่อให้กลีบที่ปลิดออกมาแล้วจะได้ไม่บอบช้ำ
ซึ่งจะช่วยคงความสวยสดอยู่ได้นานทีเดียว มีขั้นตอนละวิธีการดังนี้คือ
ใช้มือซ้ายจับก้านดอกกุหลาบคว่ำลง มือขวาจับกลีบกุหลาบชั้นบนแล้วค่อยดึงเข้าหาตัว
หมุนก้านกุหลาบออกข้างนอกอย่างช้า ๆ
กลีบกุหลาบก็จะหลุดออกโดยไม่บอบช้ำตามที่ต้องการ
การตัดกลีบใบไม้และดอกไมั
ดอกไม้และใบไม้บางอย่างที่ใช้ร้อยมาลัย เช่น ดอกเฟื่องฟ้า ดอกบานบุรี ใบกระบือ ใบแก้ว ใบมะยม ใบชบา ฯลฯ ก่อนจะนำมาร้อยต้องตัดกลีบให้มีขนาดรูปทรงดังนี้ก่อน
ระวังอย่าให้ปลายแหลมหรือป้านเกินไปจะทำให้พับกลีบแล้วไม่สวยเท่าที่ควร
การพับกลีบดอกไม้
ดอกไม้บางอย่างที่ใช้ร้อยมาลัย มีวิธีการพับ กลีบดังนี้
๑.
การพับกลีบ
โดยพับเอาโคนกลีบออกข้างนอกในเวลาร้อย
เช่น การพับกลีบกุหลาบ ควรเลือกกลีบกุหลาบที่มีโคนกลีบสวยไม่มีรอยเว้าแหว่ง ถือโคนกลีบขึ้นข้างบน พับทบครึ่งตามยาวของกลีบ ( เอาด้านสีเข้มไว้ข้างใน )
แล้วพับทบกลีบกลับออกมาทั้งสองข้าง
การพับกลีบวิธีนี้เมื่อร้อยแล้วมองดูจะสังเกตได้ว่ากลีบค่อนข้างเรียวแหลม
๒.
การพับกลีบโดยพับเอาปลายกลีบออกข้างนอกในเวลาร้อย เช่น
กลีบกุหลาบควรเลือกกุหลาบกลีบไม่ใหญ่นัก
และควรเป็นกลีบขนาดเดียวกัน
โดยพับทบครึ่งเอาด้านสีเข้มเข้าข้างในแล้วพับทบกลีบออกทั้งสองข้าง การพับกลีบแบบนี้เมื่อร้อยแล้วมองดูจะสังเกตได้ว่ามาลัยสีเข้ม และมีลักษณะกลีบกลมมนกว่าการพับกลีบแบบแรก
๓.
การพับกลีบดอกไม้โดยวิธีพับแบบเอาปลายกลีบออกข้างนอกอีกแบบหนึ่ง คือ
ม้วนกลีบทางด้านริมขวามือเข้ามาเป็นรูปหลอดกลม ๆ
การพับกลีบแบบนี้อาจใช้สำหรับร้อยแตงลวดลาย
เช่น กลีบกุหลาบ กลีบบานบุรี กลีบกล้วยไม้มาดาม ฯลฯ เพื่อให้เกิดลวดลายที่เด่นและแปลกออกไปจากกลีบที่ร้อยเป็นพื้นของมาลัยนั้น
ๆ
การพับกลีบใบไม้
ใบไม้ที่ใช้ร้อยมาลัย มีวิธีการพับกลีบใบแบบต่าง ๆ ดังนี้
๑.การพับกลีบทบครึ่งแล้วทบกลีบออกมาทั้งสองข้าง
การพับกลีบแบบนี้จะต้องตัดใบไม้ให้มีรูปทรงดังที่กล่าวมาก่อน ควรวางด้านปลายใบขึ้นข้างบนเสมอและควรหลีกเลี่ยงเส้นกลางใบ
ด้วยเพราะถ้ามีเส้นกลางใบติดอยู่ที่กลีบ จะทำให้มองดูรู้สึกแข็งกระด้างเกินไป และไม่ควรใช้ใบอ่อนจะเหี่ยวง่าย
๒.การพับกลีบใบแบบทบครึ่งธรรมดาโดยไม่ต้องทบกลีบออกข้าง จะต้องตัดใบก่อนแล้ว การพับกลีบแบบนี้จะเห็นได้ว่า ถึงแม้จะเป็นใบไม้ที่เล็กหรือแคบก็ใช้ได้ใบไม้ที่แข็งกรอบแตกง่าย ควรใช้ วิธีการพับแบบนี้
๓.การพับกลีบใบแบบม้วนเป็นหลอดกลมเหมือนกับการพับกลีบดอกในข้อ
๒ แต่การพับแบบนี้จะต้องตัดกลีบดังนี้คือ ใบไม้ควรมีความกว้างและความยาวพอเพียงการพับกลีบดอกไม้และใบไม้ย่อมขึ้นอยู่กับชนิด
ลักษณะและรูปทรงของดอกไม้และใบไม้ที่เรามีอยู่ว่าเหมาะสมกับการพับแบบใดมากที่สุด ก็ควรใช้วิธีการพับแบบนั้น ๆ ตามโอกาสอันสมควรด้วย เพราะดอกไม้
ใบไม้แต่ละท้องถิ่นแต่ละฤดูกาลนั้นย่อมหาได้ง่ายและยากไม่เหมือนกัน
วิธีร้อยมาลัย
ก่อนที่จะร้อยมาลัยจะต้องใส่หรือร้อยแป้นใบตองก่อน ๑
แป้น
อยู่ในระดับเหนือมือที่จับเข็มมาลัย
ใช้วาสลินทาเข็มให้ลื่นแล้วจึงเริ่มร้อยกลีบแรก โดยต้องร้อยจากทางด้านซ้ายสุดแล้วกลีบต่อ ๆ
มา ค่อยหมุนตามเข็มนาฬิกา แต่ละชั้นก็ควรให้สับหว่างกันด้วยขณะร้อย ต้องหมั่นทาวาสลินที่เข็มด้วย โดยเฉพาะดอกไม้ใบไม้ที่มียางมาก ๆ และต้องพรมน้ำบ้างตามความเหมาะสม เมื่อร้อยจบเข็มแล้ว จะต้องใส่หรือร้อยแป้นใบตองปิดทับอีก ๑ แป้น
วิธีการรูดมาลัยออกจากเข็ม
๑.พรมน้ำดอกไม้ให้ทั่วเข็มกะว่าให้เปียกถึงเข็ม
( ถ้าเป็นดอกพุดไม่ต้องพรมเพราะดอกพุดจะบานง่าย )
๒.ทาน้ำมันวาสลินตั้งแต่ใต้แป้นใบตองจนถึงก้นเข็ม
๓.คนหนึ่งจับคีมหนีบเข็มมาลัยด้านปลายเอาไว้ให้มั่นคง อีกคนหนึ่งใช้มือขวาจับเข็มหลวม ๆ
ด้วยนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้
แต่ใช้นำหนักจากนิ้วกดลงบนแป้นใบตองที่ปิดคลุมมาลัยอยู่ ส่วนมือซ้ายจับเข็มหลวม ๆ
ใต้แป้นด้วยนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้
ดันแป้นใบตองขึ้นเล็กน้อย
พร้อมกับเอานิ้วกลางละนิ้วนางเข้าหนีบประกบเข็มไว้ด้วย เพื่อกันมิให้มาลัยรวนเสียรูปทรงและลวดลาย
๔.ตกลงให้สัญญาณซึ่งกันและกันทั้งสองคนว่าจะดึงเข็มและรูดมาลัย พร้อมๆ
กัน โดยอาจใช้วิธีนับ ๑ , ๒, ๓ ก็ได้ เมื่อมาลัยหลุดออกพ้นเข็มแล้ว ให้หยุดดึงได้ แต่คนที่ดึงหรือรูดมาลัยยังจะต้องค่อย ๆ
ประกอบมาลัยอยู่ระหว่างช่วงกลางของด้าย
แล้วจัดดอกให้เรียงเข้าที่เดิมให้เรียบร้อยด้วย
๕.
ถ้ารูดมาลัยออกจากเข็มแล้ว
เกิดการหดหรือเบียดแน่นเกินไป
ก็ควรตกแต่งปรับรูปทรงให้ดีขึ้น
โดยใช้วิธีถือปลายด้ายข้างละมือทั้ง
๒ คน แล้วขยับเขยื้อนดึงด้ายไปมาเล็กน้อย มาลัยก็จะคลายขยายตัวออกได้แต่ไม่ควรดึงมาก
จะทำให้มาลัยยืดยานเกินไปก็เสียรูปทรงได้เช่นกัน